
หลังจากเป็นเวลายาวนานกว่า 5 ปีที่ผมเฝ้ารอเวลาการได้เข้าร่วมแข่งขันในงานวิ่งมาราธอน Tokyo marathon 2018 และกว่า 4 ปีที่เป็นความล้มเหลวที่ไม่ได้เข้าร่วมวิ่ง ตั้งแต่เมื่อปี 2003 ผมฝันว่าซักครั้งนึง ขอไปวิ่งในงาน Tokyo Marathon ให้ได้ซักครั้ง จนในที่สุดความฝันของผมก็เป็นจริงในปี 2018 จากการพยายามครั้งที่ 5ในการลงทะเบียนเข้าร่วมงาน สำหรับคนอื่นคงไม่รู้และไม่อาจเข้าใจได้ว่าผมตื่นเต้นขนาดไหนที่ได้เข้าร่วมในครั้งนี้ ในใจผมนี่ลอยไปที่ญี่ปุ่นแล้ว ตื่นเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไรกันเลย
ถึงแม้ว่างานจะเริ่มในอีกสามสัปดาห์ขนาดหน้า ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี 2018 ใจผมก็ยังตื่นเต้นไม่หาย จนกระทั่งเวลาผ่านไปแล้วสามสัปดาห์ความรู้สึกผมก็ยังเป็นดั่งเดิม เหมือนที่เคยรู้สึกในวันแรกที่รู้ผลการเข้าร่วม จะบอกว่าผมบ้าก็ได้ และอาจจะเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมในงานนี้ จากประสบการณ์ที่เคยวิ่งมาแล้วกว่า 7 ประเทศ มากกว่า 40 ครั้ง ประกอบไปด้วย ประกอบไปด้วย ประเทศไทย มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน พม่า อินโดนีเซีย และสุดท้ายที่ผมจะไปแข่งก็คือที่ประเทศญี่ปุ่น ทุกคนเชื่อเป็นเสียงเดียวกันว่างานแข่ง Tokyo Marathon ถือเป็นงานทิยิ่งใหญ่ และอลังการที่สุดในเอเชียเลยทีเดียว
ในทุกก้าวเราจะสัมผัสได้กับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เราจะรู้สึกมีความสุขกับมัน ความอบอุ่นของเพื่อนนักแข่ง ความน้อบน้อม รู้จักวิถีชีวิตของคนญีปุ่น รวมไปถึงมารยาทที่ดีงาม เมื่อผมได้เข้าไปร่วมงานซึ่งบอกได้เลยว่าได้เพื่อนมาเพียบเลยไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่น รัสเซีย ฝรั่งเศษ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะพูดอังกฤษกันได้ เลยไม่คอยมีปัญหาในด้านการสื่อสารซักเท่าไหร่ สำหรับตัวผมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย พอพูดเข้าใจสื่อสารกันได้รู้เรื่องก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้มาถึงคำตอบของคำถามว่าทำไมผมต้องใช้ความพยายามกว่า 5 ปี ในการเข้าร่วม มันอยากขนาดนั้นเลยหรือ พูดโอเวอร์เกินไปหรือเปล่า ผมจะมาบอกว่าทำไม ในงาน Tokyo Marathon เป็นงานที่โด่ดงดังและมีชื่อเสียง ดึงดูดให้นักวิ่งจากทั่วโลกมาร่วมงานแข่งในญี่ปุ่น นักวิ่งที่รองรับได้สูงสุดในงานอยู่ที่ 35,000 คนเท่านั้น แต่สำหรับคนที่สมัครจริง ๆ มีมากกว่า 200,000 คน คุณก็คิดดูแล้วกันว่าโอกาสจะได้เป็น 1 ใน 35,000 มันก็ไม่ใช่ง่าย ๆ ถ้าคุณโชคดีจริง ๆ ก็อาจจะได้เรื่อย ๆ สำหรับผมคงโชคไม่ดีจริง ๆ ถึงต้องความพยายามกว่า 4 ครั้ง จนสำเร็จในครั้งที่ 5 ถือเป็นงานแข่งวัดดวงกันจริง ๆ เลย