การวิ่งฮาล์ฟมาราธอน คืออะไรในปัจจุบัน

Half-marathon

ฮาล์ฟมาราธอน (Half Marathon) เป็นการแข่งวิ่งระยะ 21.0975 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางเพียงครึ่งเดียวของการแข่งมาราธอน (ระยะ 42.195 กิโลเมตร) ปกติแล้วงานแข่งฮาล์ฟมาราธอนนั้น จะจัดขึ้นพร้อมๆ กับการแข่งมาราธอนปกติ โดยจะใช้กติกาเดียวกันทุกอย่าง ผู้เข้าเส้นชัยจะได้รับเหรียญเป็นรางวัล เหรียญหรือริบบิ้นอาจแตกต่างจากการแข่งขันมาราธอนเต็ม นอกจากนี้ฮาล์ฟมาราธอนยังเรียกว่า 21K หรือ 13.1 ไมล์ สำหรับการแข่งขันอย่างเป็นทางการจะได้รับการจดบันทึกของกลุ่ม สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (IAAF) เวลาที่ดีสุดในปัจจุบันนี้คือ 58.18 นาที โดยผู้ที่ทำเวลานี้ได้คือ Abraham Kiptum จากประเทศเคนย่า

การเริ่มจัดงานอาล์ฟมาราธอนเริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงปี 2003 คนส่วนใหญ่เลือกที่จะให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันเป็นระยะทางที่ท้าทาย แต่ไม่จำเป็นต้องมีการฝึกในระดับเดียวกับการวิ่งมาราธอนที่ต้องเตรียมตัวหลายเดือน ในปี 2008 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการจัดงานฮาล์ฟมาราธอนมากอย่างมาก

Half-marathon

ความแตกต่างระหว่างฮาล์ฟและฟูล

ในการลงแข่งวิ่งฮาล์ฟจะต้องวิ่งเป็นระยะทาง 13.1 ไมล์ ส่วนฟูลจะต้องวิ่ง 26.2 ไมล์สิ่งที่แตกต่างกันจริงๆ คือระยะทางเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่งานฟลูและฮาล์ฟจะจัดขึ้นในงานเดียวกัน ซึ่งคนที่ลงแบบครึ่งเดียวก็จะหยุดที่เส้นชัยในระยะ 13.1 ไมล์ ส่วนนักวิ่งคนอื่นก็จะวิ่งต่อไปเพื่อเข้าเส้นชัยในระยะ 26.2 ไมล์ ถ้ามีความต้องการวิ่งในแบบที่ไม่มีคนแออัดกันมากนัก สิ่งที่ควรลองนำไปพิจารณาคือการเลือกที่ไม่มีแบบฮาล์ฟมาราธอน

การเตรียมพร้อมสำหรับการแข่ง

การเตรียมตัวสำหรับวิ่งแข่งฮาลฟมีหลายวิธี ซึ่งสามารถหาคอร์สได้ตามอินเตอร์เน็ต มีตั้งแต่สอนระดับผู้เริ่มต้น ระดับกลางและระดับสูง โดยเน้นไปที่การฝึกของนักวิ่งใหม่ๆ ที่พยายามจะท้าทายขีดความสามารถของตนเอง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีตัวเลือกมากมายให้เลือก และควรจะเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการฝึกฮาล์ฟมาราธอนและฟูลคือเวลาที่ใช้ แม้ว่าแผนการฝึกส่วนใหญ่จะให้คุณวิ่งสี่วันต่อสัปดาห์

ส่วนการวิ่งมาราธอนเต็มรูปแบบจะใช้เวลาเกือบสองเท่าในการฝึกซ้อมหลายสัปดาห์ การวิ่งจะยาวนานขึ้นอย่างมากในการฝึกซ้อม ก็เพื่อเป็นการยืดเวลาที่ใช้ในการวิ่งแต่ละครั้งนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่จะลงวิ่งแข่งควรจะมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ไม่มีอาการเจ็บปวดทางกล้ามเนื้อ หรืออาการอื่นๆ ที่อาจเสี่ยงให้บาดเจ็บหนักกว่าเดิม และไม่ควรอย่างยิ่งคือการฝึกโหมอย่างหนัก สถิติจากระยะเวลา 10 – 15 ปีที่ผ่านมามีรายงานผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นอย่างมาก สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากระหว่างการฝึกนี่เอง